หลายคนยังไม่รู้ ทาเรตินอล แบบนี้ แทนที่จะได้ผิวสวย อาจได้ผิวพัง
13 Dec, 2024 / By
arisara
นาทีนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เรตินอล (Retinol) เป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ แต่การใช้เรตินอลอย่างไม่ถูกต้อง อาจส่งผลเสียต่อผิวจนเกิดอาการระคายเคืองหรือปัญหาผิวอื่น ๆ ได้ ดังนั้น ก่อนใช้เรตินอล ควรรู้ข้อควรระวังเหล่านี้เพื่อป้องกันผิวพังแทนที่จะได้ผิวสวย
1. เริ่มใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
หลายคนคิดว่ายิ่งใช้เรตินอลเยอะ ผิวจะยิ่งดี แต่ในความเป็นจริง การเริ่มใช้ในปริมาณมากหรือใช้ทุกวันตั้งแต่ครั้งแรก อาจทำให้ผิวระคายเคือง แห้ง ลอก หรือแดงได้ ทางที่ดีควรเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ และใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ผิวปรับตัว
2. ไม่ทาครีมกันแดด
เรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น หากไม่ได้ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มี SPF สูงในตอนเช้า ผิวอาจเสี่ยงต่อการถูกทำลายจากรังสี UV จนเกิดรอยดำ ฝ้า และริ้วรอยเพิ่มขึ้น ดั้งนั้น ต้องทาครีมกันแดดทุกวัน (แม้ไม่ได้ออกแดด) ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide เพื่อปกป้องผิวอย่างอ่อนโยน ด้วย
👉🏻 Welpano Sunscreen Extra Light Cream UV Protection SPF 50 PA+++ เหมาะกับคนผิวแห้ง
(กันแดดฝาขาว) เนื้อบางเบา มีสารสกัดที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น เกลี่ยง่าย ไม่อุดตันผิว ช่วยลดจุดด่างดำ ปลอบประโลมผิวที่อักเสบได้ดี ปรับผิวให้ดูสว่างขึ้นในทันทีที่ทา
👉🏻 Welpano Sun UV Protection Oil Control Watery Serum SPF50+ PA++++ เหมาะกับคนผิวมัน
(กันแดดฝาทอง) ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV, แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือ และยังมีคุณสมบัติช่วยพื้นบำรุงและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวด้วย สูตร Physical Sunscreen 100% อ่อนโยนต่อผิว แต่ปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื้อเซรั่ม บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบสู่ผิวได้ไวมาก และยังปรับผิวให้ดูสว่างขึ้นในทันทีที่ทาเช่นกัน
🔍สูตร Physical Sunscreen 100%
💛ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ,รังสี UV และ รังสีอินฟาเรด ปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
💛ช่วยฟื้นบำรุงและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวด้วย ไม่ให้ผิวแก่
💛ลดการเกิดสิวอุดตัน ลดการอักเสบ คุมความมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี
💛ป้องกันการสูญเสียน้ำ ให้ความชุ่มชื้น ลดอาการแสบไหม้ของผิว
💛ลดระคายเคือง ผื่นแพ้ ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้
3. ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว
หลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลร่วมกับกรดผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA หรือ BHA ในเวลาเดียวกัน เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองหนักขึ้น ควรแยกเวลาใช้ เช่น ใช้กรดผลัดเซลล์ผิวตอนเช้า และเรตินอลตอนกลางคืน
4. ทาบริเวณผิวที่บอบบางเกินไป
เรตินอลไม่ควรใช้ในบริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก หรือผิวที่แห้งและลอกอยู่ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการระคายเคือง หากจำเป็นต้องใช้บริเวณดังกล่าว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาสำหรับผิวบอบบางโดยเฉพาะ
5. ขาดการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
เรตินอลมีแนวโน้มทำให้ผิวแห้ง ดังนั้น หลังจากทาเรตินอล ควรตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดความเสี่ยงของการระคายเคือง ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ เซราไมด์, กรดไฮยาลูโรนิก, หรือสควาเลน หลังจากเรตินอลเพื่อลดอาการแห้งลอก ด้วย Welpano Loofha Smooth Serum เซรั่มไฮยาลูรอนเข้มข้น สามารถมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้มากกว่าปกติถึง 10 เท่า!
💜เซรั่มเนื้อบางเบา เกลี่ยง่ายไม่อุดตันผิว
💜บำรุงผิวให้ฉ่ำน้ำ เนียนนุ่ม เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
💜ช่วยยกกระชับผิว ชะลอความหย่อนคล้อย
💜ช่วยในเรื่องริ้วรอย ผิวอ่อนกว่าวัย
💜ลดการอักเสบระคายเคืองผิว ช่วยกระชับรูขุมขน
💜เปลี่ยนผิวโทรมให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวา
💜เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือคุณแม่ตั้งครรภ์
สำหรับคนผิวแห้งมาก การใช้ “Sandwich Method” (ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อนและหลังเรตินอล) จะช่วยลดความระคายเคืองได้ดี
6. ไม่ปรับเปลี่ยนตามสภาพผิว
ผิวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากใช้แล้วรู้สึกระคายเคือง ควรลดความถี่หรือเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอลในความเข้มข้นต่ำ และค่อย ๆ เพิ่มระดับตามความเหมาะสม
สรุปแล้วการใช้ “เรตินอล”ให้ได้ผลดีและปลอดภัย ต้องอาศัยความระมัดระวังและความเข้าใจในวิธีใช้อย่างถูกต้อง หากใช้อย่างเหมาะสม เรตินอลจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวสวย สุขภาพดี แต่หากใช้ผิดวิธี ผลลัพธ์อาจตรงกันข้ามจนเกิดปัญหาผิวพังได้
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มใช้เรตินอล อย่าลืมเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป และให้ความสำคัญกับการดูแลผิวในทุกขั้นตอนเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์