มีแผลเป็นรักษายังไง? ให้หายเร็ว
23 Apr, 2022 / By
Ink
ช่วงนี้ในโลกโซเชียลมีแม่บ้านมือใหม่ ที่เริ่มหัดทำอาหารกันเยอะ แน่นอนว่ากว่าจะทำอาหารกันจนคล่องร่องรอยบาดแผลจากมีดบาดบ้าง น้ำมันกระเด็นใส่บ้าง ที่ทิ้งไว้คงมีเพียบ แล้วเคยสงสัยกันไหม?...ว่าบาดแผลที่เกิดแต่ละครั้ง บางครั้งก็มีแผลเป็น แต่บางครั้งกลับไม่มีแผลเป็น

ปกติผิวหนังของเราประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้าที่อยู่นอกสุด ลึกลงไปจะเป็นชั้นหนังแท้ ถ้าบาดแผลที่เกิดขึ้นลึกถึงชั้นหนังแท้ หรือเป็นแผลติดเชื้อถึงชั้นหนังแท้ ก็จะทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นได้ หรือใครที่ชอบแกะสะเก็ดแผลบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดแผลเป็นได้เช่นกัน

ซึ่งเราจะแบ่งแผลเป็นออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ
- แผลเป็นแบบเนื้อแหว่งหายไปหรือแบบบุ๋ม สังเกตดูก็จะเห็นว่าผิวตรงนั้นจะยุบตัวมากกว่าผิวปกติ
- แผลเป็นแบบนูน จะเป็นแผลที่มีเนื้อแข็ง แต่ว่าจะนูนตามแนวแผลเดิมเท่านั้น
- แผลเป็นแบบคีลอยด์ จะเป็นแผลคล้ายๆ แบบนูน แต่ขอบเขตการปูดของแผลเป็นจะลุกลามออกมามากกว่ารอยแผลเดิม เช่น ไปเจาะหูมา รูแค่นิดเดียวแต่มีแผลคีลอยด์ขนานเท่ากับเม็ดชานมไข่มุกอยู่ที่ติ่งหูแทน ซึ่งจุดที่มักจะเกิดแผลเป็นแบบคีลอยด์ได้ง่ายได้แก่ ใบหู สันกราม หัวไหล่ กลางหน้าอก กลางหลัง หรือใครที่มีการซ่อมแซมที่ผิดปกติก็จะเกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่ายด้วย ใครที่รู้ตัวว่าเป็นแผลคีลอยด์ง่าย ก็ต้องระวังไม่ให้ร่างกายบาดเจ็บ



การรักษาแผลเป็น
การรักษาแผลเป็นแต่ละชนิดก็มีขั้นตอนการรักษาแตกต่างกัน ถ้าแผลเป็นแบบมีรอยดำรอยแดง ก็สามารถใช้ยาลดรอยดำรอยแดงได้ อย่างตัว Expert Scar Care Gel Plus เจลลดรอยแผลเป็น ที่ช่วยให้รอยแผลเป็นไม่หยาบกร้านและจางลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับเจลทาแผลเป็นแบรนด์ Welpano หลอดนี้ เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มในด้านส่วนผสมมาก ๆ เพราะอุดมไปด้วยสารสกัดสำคัญทั้ง Allantoin, Horse Chestnut, Azeloglicina, Tocopheryl Acetate, วิตามินบี 3 และ Allium Cepa ที่ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยในการดูแลรักษารอยแผลเป็นทั้งนั้น เมื่อใช้แล้วจึงช่วยให้รอยแผลเป็นไม่หยาบกร้านและจางลงอย่างรวดเร็ว สามารถใช้ทาได้กับทุกรอยแผลเป็น ยิ่งแผลที่เพิ่งตกสะเก็ดใหม่ ๆ รอยแผลเป็นจะจางเร็วมาก แผลเป็นที่แข็งก็สามารถทาได้เช่นกัน
และอย่างที่รู้ๆกัน เจลลดรอยแผล มักนิยมเอาไปใช้กับการรักษารอยแผลเป็นสิวด้วยเหมือนกัน เลยทำให้ตัวนี้น่าสนใจอย่างมาก เพราะเค้ามีสารสกัด Apobac และ Seboclear ที่ช่วยฆ่าเชื้อสิวเดิม ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย ควบคุมความมัน เรียกได้ว่า หลอดเดียวใช้ได้ทั้งลดรอยแผลต่างๆ และยังป้องกันการเกิดสิวใหม่ซ้ำซากได้ด้วย!

รวมถึงหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทำเลเซอร์ลดรอยก็ช่วยได้แล้ว ส่วนแผลเป็นแบบยุบตัว ต้องทายากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนพวกกรดวิตามินเอ หรือกระตุ้นเนื้อเยื่อด้วยการผ่าตัดหรือเลเซอร์ก็ช่วยได้ ส่วนแผลเป็นแบบนูนและคีลอยด์ ต้องฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแผลเป็น บางคนอาจต้องรักษาแผลเป็นด้วยความเย็นและเลเซอร์ รวมไปจนถึงการฉายรังสีร่วมด้วย

ซึ่งการรักษาแผลเป็นที่ฟังดูยากทั้งหมดนี้ ถ้าเราดูแลแผลตั้งแต่มีบาดแผลใหม่ๆ ก็จะช่วยให้แผลเป็นเกิดขึ้นได้ยาก อันดับแรกต้องดูแลแผลให้สะอาดอย่าไปรบกวนแผลมาก รวมถึงหลีกเลี่ยงการโดนน้ำจนกว่าแผลจะเริ่มแห้ง ถ้าเป็นแผลใหญ่หรือมีการอักเสบควรให้หมอดูแต่เนิ่นๆ เวลาแผลเป็นสะเก็ดก็ห้ามแกะเด็ดขาด ที่สำคัญควรทายารักษาแผลเป็นช่วงที่แผลเริ่มสมานก็จะช่วยให้แผลเป็นเกิดขึ้นได้ยาก หรือเห็นแค่รอยแผลเป็นจางๆ ไม่ชัด