หน้าหลัก > ข่าวสารและความรู้ > 5 ข้อ เข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรักษาฝ้า
5 ข้อ เข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรักษาฝ้า
5 ข้อ เข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรักษาฝ้า
22 Feb, 2020 / By w1512258
Images/Blog/LzZcyugJ-Artboard 3 (5).png

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่าฝ้าเกิดจากอะไรจริงๆแล้ว สาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดฝ้ามีอยู่ประมาณ 3 ข้อ นั่นคือ พันธุกรรม, แสงแดด, ฮอร์โมน สมมุติว่าครอบครัวของเราสักหนึ่งคนเป็นฝ้ามาก่อน เราก็อาจจะเป็นฝ้าได้เช่นเดียวกัน หรือว่าหากเราไม่มีฝ้าเกิดมาก่อน แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตเราในแต่ละวัน การดูแลตัวเอง เช่น การไม่ทาครีมกันแดด และอยู่กับกลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่ ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้ หรือในกรณีเกี่ยวกับฮอร์โมน จะสังเกตได้ว่าในหญิงตั้งครรภ์หรือว่าผู้หญิงที่ทานยาคุมกำเนิด มักจะทำให้เกิดฝ้า และสีของฝ้ามีลักษณะเข้มขึ้นอีกด้วย

 หลายคนเลือกที่จะจัดการฝ้า เพื่อหวังให้ฝ้าจางลง และหายไปอย่างรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าบางวิธีที่เราได้อ่าน หรือได้ยินมา เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด หากทำตามวิธีการเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวอย่างเสียหาย ก่อนที่ฝ้าจะหายค่ะ วันนี้เราเลยมาบอกว่า 5 ข้อ ที่คนส่วนมากเข้าใจผิด หากข้อไหนที่รู้แล้วว่าเข้าใจผิด ให้หยุดก่อนที่จะได้ผลเสียมากกว่าได้ผลดีค่ะ

1. โฆษณารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ หายภายใน 7 วัน

เป็นเรื่องที่ไม่จริงเลยค่ะ  การซื้อยามารักษาฝ้าด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ๆ นะคะ  โดยเฉพาะยารักษาที่ไม่มีอย. และใช้คำโฆษณากล่าวอ้างเกินจริง ด้วย เพราะปกติการรักษาใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ โดยเฉพาะครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน  แต่หากใช้เองโดยไม่ได้ปรึกษาคุณหมอ อาจเสี่ยงให้ฝ้าฝังลึกเมื่อหยุดใช้ อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าบาง ไวต่อแดด และยังก่อให้เกิดสารเคมีตกค้างในเซลล์ผิวอีกด้วย ในระยะยาวผิวหน้าจึงเสีย เสื่อมสภาพและมีสิวขึ้นเห่อ ซ้ำฝ้าฝังลึกยังรักษาไม่หายอีกด้วยค่ะ

 

2.ใช้เคมีลอกฝ้า

การเลือกใช้เคมีมาลอกหน้า เสี่ยงมากที่จะทำให้ผิวของคนลอกบางลง และมีผลข้างเคียงทำให้หน้าแห้ง และลอกขุยได้เช่นกัน ทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองได้ง่าย ผลคือทำให้ผิวไวต่อแสง ผิวแสบแดงได้ง่าย

 

3. ใช้หัวไชเท้า หรือว่าใช้ผลไม้ที่มีฤทธ์กรด มาพอกหน้า เพื่อ รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ

หลายคนอาจเห็นวิธีการใช้ผัก หรือผลไม้บางชนิดมาพอกหน้า เพื่อลดฝ้า ทำให้ฝ้าจางลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องสังเกตว่าผลไม้บางชนิดมีฤทธ์เป็นกรดเข้มข้น หากนำมาพอกหน้าสดๆ อาจทำให้ผิวระคายเคืองมากกว่า ทำให้ฝ้าจางลงนะคะ ทางที่ดีหากยังไม่แน่ใจไม่ควรลองกับหน้า แต่ให้ลองที่ท้องแขนเพื่อทดสอบว่ามีอาการแพ้ก่อนหรือไม่ ส่วนสำหรับใครที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ไม่ควรใช้วิธีนี้ค่ะ

4.ลดฝ้า ด้วยการกรอผิว

การรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ด้วยวิธีนี้จะเป็นการขจัดผิวหน้าที่เสื่อมสภาพ และตายแล้วเพื่อให้ฝ้าดูจางลง ผลเสียที่ตามมาจากการกรอผิวหน้าเพื่อรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ คือต้องทำมากกว่า 10 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผล หากมีสิวเยอะ หรือหลุมสิวลึกก็จะต้องกรอผิวหน้าในระดับที่ลึก อาจทำให้มีอาการบวม แสบ แดง บางรายอาจจะมีอาการแพ้ผงอัญมณีได้ค่ะ และต้องระมัดระวังมากกว่าเดิม หลังจากได้รับการรักษาแล้ว

 

5.แต่งหน้ากลบฝ้า

หลายท่านอาจะเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดคือการแต่งหน้าในแต่ละวันให้หนาขึ้น เพื่อกลบรอยฝ้าเดิมที่มีอยู่นั้น เป็นการแก้ปัญหาแค่ปลายเหตุเท่านั้น เพราะฝ้าไม่ได้ลดลงเลยค่ะ ยิ่งส่งผลเสียทำให้ผิวหน้าของเราหายใจลำบาก ทำให้เกิดสิวง่ายขึ้นด้วย ทางที่ดีในแต่ละวัน ควรคลีนผิวให้สะอาดก่อนนอนทุกวัน ในแต่ละสัปดาห์ก็ควรล้างทำความสะอาดพัฟ หรืออุปกรณ์การแต่งหน้าด้วย เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวด้วยนะคะ

 

หากใครที่กำลังสงสัยว่า แล้วจะพอมีวิธีไหนบ้าง ที่ปลอดภัย ไม่ส่งผลเสียต่อผิวของเรา Welpano ขอแนะนำว่า ในแต่ละวันควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม และควรทาทุกๆวันด้วยค่ะ หากต้องการครีมบำรุงผิว เลือกใช้เซรั่ม หรือครีมบำรุงที่ดูแลเรื่องฝ้าโดยเฉพาะ อย่างเช่นเลือกใช้ Whitening Cream-Gel และ Loofha Smooth Serum ที่ช่วยดูแลเรื่องลดเลือนฝ้า-กระ จุดด่างดำ และรอยสิวต่างๆพร้อมปรับผิวกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดีค่ะ

 

 

และอีกหนึ่งทางเลือกคือการทานอาหารเสริม บำรุงผิว ให้มีการบำรุงจากภายในสู่ภายนอกค่ะ อาหารเสริม Welpano Azitra Dietary Supplement Product รวมสกัดจากผลไม้และแร่ธาตุกว่า 8 ชนิด ไว้ในแคปซูลเดียว ได้แก่ วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี ซิงค์และสารต้านอนุมูลอิสระ ดูแลได้ทั้งผิวพรรณ เล็บและเส้นผม ลดความมัน ลดเลือนรอยสิว จุดด่างดำ ฝ้า-กระ ที่มีอยู่เดิมและป้องกันการเกิดขึ้นใหม่  ต่อต้านผิวหย่อนคล้อยก่อนวัย ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ลดเลือนฝ้า-กระ จุดด่างดำ รอยสิว เพียงทาน 1 แคปซูลหลังอาหารเช้า และ เย็น เท่านี้ก็มีผิวสุขภาพดีแล้วค่ะ

 

Like