สิวอุดตัน (Comedones) - สาเหตุ อาการ และการรักษาโรค
12 Mar, 2022 / By
Ink
สิวอุดตันคืออะไร?
สิวอุดตัน (Comedones) คือ สิวชนิดหนึ่งที่ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ ฝังอยู่บริเวณใต้ผิวหนังทำให้ผิวมีลักษณะเป็นตุ่มนูน ซึ่งสิวอุดตันเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมีไขมัน (Sebum) เซลล์เยื่อบุผิวหนังที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ภายใน ทำให้ไขมันที่ถูกผลิตขึ้นไม่สามารถออกมาได้ ส่วนใหญ่จะพบได้บริเวณหน้าผาก และคางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีผิวมัน
สิวอุดตันเป็นอย่างไร มาทำความเข้าใจลักษณะของสิวอุดตัน
สิวอุดตันเป็นสิวที่มักมองเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน ผู้ที่เป็นสิวอุดตันจะสังเกตเห็นตุ่มนูนขนาดเล็กๆ ขึ้นอยู่บริเวณใบหน้าโดยเฉพาะหน้าผากและคาง รวมถึงสามารถพบบริเวณลำตัวได้ด้วย
เมื่อใช้มือสัมผัสจะพบว่าสิวอุดตันดังกล่าวมีลักษณะนูน แข็ง และเป็นไต ทำให้ผิวบริเวณนั้นขาดความเรียบเนียน ส่วนตุ่มสิวที่เกิดขึ้นจะมองเห็นเป็นจุดสีขาวหรือจุดสีดำ ขึ้นอยู่กับชนิดของสิวอุดตันที่เป็น
ชนิดของสิวอุดตัน
สิวอุดตันที่พบได้บ่อย ได้แก่
- สิวหัวดำ (Blackheads) หรือ สิวอุดตันหัวเปิด ระดับความรุนแรงปานกลาง มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีดำ หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีรูเปิดที่สามารถมองเห็นหัวสิวได้ ส่วนจุดดำๆ ที่มองเห็นนั้นเกิดจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชันของสิ่งอุดตันในรูขุมขนกับออกซิเจน และเปลี่ยนสิ่งอุดตันให้มีสีเข้นขึ้นหรือเป็นสีดำ จึงเป็นที่มาของสิวหัวดำนั่นเอง
- สิวหัวขาว (Whiteheads) หรือ สิวอุดตันหัวปิด เป็นสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก มองเห็นเป็นจุดสีขาวและไม่มีรูเปิด ส่วนใหญ่แล้วรากสิวประเภทนี้จะอยู่ลึกกว่าสิวหัวดำ จึงไม่มีการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน และรักษาได้ยากกว่าสิวหัวดำ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา สิวอุดตันหัวปิดนี้มักมีขนาดใหญ่ขึ้น และหากติดเชื้อก็อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้
สาเหตุของสิวอุดตัน
สิวอุดตัน เกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น
- การอุดตันของน้ำมันและไขมันในรูขุมขน
- การอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- การรับประทานอาหารที่มีแป้ง ไขมัน และน้ำตาลมาก ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันได้
- การระคายเคืองของผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดจากการขัดผิว บีบสิว หรือผลัดเซลล์ผิวด้วยการทำเลเซอร์หน้า
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายในช่วงวัยรุ่น หรือผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง หรือแชมพูบางชนิด
- การใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์ ยาลิเทียม
- การสูบบุหรี่
- การเผชิญกับฝุ่น ควัน มลภาวะต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกราะป้องกันผิวพัง และเกิดความระคายเคือง
- การดื่มน้ำ และพักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบแพทย์
ผู้ที่เป็นสิวอุดตันสามารถไปพบแพทย์ผิวหนังได้ทันทีที่สังเกตเห็นสิวอุดตันเพื่อให้แพทย์ตรวจดูผิวหนังบริเวณที่เกิดสิว และทำการรักษาสิวอุดตันอย่างถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องรอให้กลายเป็นสิวอักเสบหรือมีอาการแย่ลง
การไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ มักให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีกว่าและรวดเร็วกว่า ซึ่งแพทย์อาจมีการจ่ายยารักษาสิวมาให้ อาจจะเป็นยาทานหรือยาทาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิวของแต่ละคน
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยยาเป็นวิธีที่นิยมใช้รักษาสิวอุดตัน ซึ่งผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันสามารถขอคำปรึกษาในการใช้ยารักษาที่เหมาะสมได้จากแพทย์หรือเภสัชกร ไม่ควรเอายารักษาสิวอุดตันของคนอื่นมาใช้หรือรับประทานเอง เนื่องจากอาจไม่ตรงกับปัญหาสิวและทำให้เกิดการดื้อยาในภายหลัง
โดยส่วนใหญ่แล้วการที่แพทย์หรือเภสัชกรจะพิจารณาการจ่ายยารักษาสิวอุดตัน จะขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรง ตัวอย่างยา อาทิ
- ยารักษาสิวอุดตันที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรืออนุพันธุ์วิตามินเอ
- ยารักษาสิวอุดตันที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
- ยาทาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ ในกรณีที่มีสิวอักเสบร่วมด้วย
- ยาปรับฮอร์โมนในร่างกาย เพื่อเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง หรือยาต้านฮอร์โมนเพศชาย เพื่อลดฮอร์โมนเพศชายที่อาจเป็นสาเหตุของสิวอุดตัน
การกดสิว
การกดสิวเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวอุดตันที่ช่วยให้หัวสิวหลุดออกจากชั้นผิวหนังได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันควรใช้การกดสิวที่ดำเนินการโดยแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะหากกดสิวออกไม่หมดอาจทำให้กลายเป็นสิวอักเสบได้ อีกทั้งยังอาจทิ้งรอยแดงหรือรอยแผลเป็นซึ่งยากต่อการรักษา
การเลเซอร์สิวอุดตัน
การเลเซอร์สิวอุดตันเป็นวิธีรักษาสิวอุดตันด้วยการใช้เลเซอร์ประเภทต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสิวอุดตันบริเวณใบหน้าและลำตัว เป็นวิธีรักษาสิวอุดตันที่เห็นผลการรักษาค่อนข้างเร็ว
การลดสิวอุดตันด้วยวิธีอื่นๆ
- การใช้ความเย็น (Cryotherapy) เป็นวิธีการรักษาสิวอุดตันด้วยนวัตกรรมการบำบัดผิวด้วยความเย็นเพื่อทำให้สิวแห้งหรือยุบตัวลง
- การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) เป็นวิธีรักษาสิวด้วยการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าลงบนผิวที่เป็นสิว เพื่อกำจัดสิวอุดตัน
- การกรอผิว (Microdermabrasion) เป็นวิธีรักษาสิวด้วยการใช้ผลึกแร่หรือผลึกคริสตัลชนิดพิเศษกรอผิวบริเวณที่มีปัญหา เพื่อทำให้สิวอุดตันหลุดออกไป
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นสิวอุดตัน
สิ่งที่ควรทำ
- ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีความอ่อนโยนไม่เกินวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันและไม่ทำให้เกิดการอุดตัน
- ก่อนทายาบริเวณที่เป็นสิวให้ล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
- รับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลน้อย เน้นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด ไม่กังวล
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
สิ่งที่ห้ามทำ
- ไม่พยายามบีบสิว แกะสิว หรือใช้มือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิว เพราะจะทำให้ปัญหาสิวอุดตันรุนแรงขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าบ่อยเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคือง และเป็นการชะล้างไขมันที่จำเป็นต่อผิว
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- ไม่ปล่อยให้เหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกเกาะใบหน้าหรือลำตัว โดยเฉพาะหลังการออกกำลัง ควรชำระล้างร่างกายทันที
- ไม่ควรเข้านอนโดยไม่ล้างเครื่องสำอางออกก่อน เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงผิวอุดตัน
- ใช้ผ้าเช็ดหน้ากับผ้าเช็ดตัวเป็นผืนเดียวกัน เพราผ้าเช็ดตัวเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย และสิ่งสกปรก
การป้องกันสิวอุดตัน
การป้องกันสิวอุดตันทำได้หลายวิธี เช่น
- ลดอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน และน้ำตาล เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตัน
- ดื่มน้ำสะอาด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ล้างหน้าด้วยขั้นตอนล้างหน้าที่ถูกวิธีวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
- ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า หรือถูใบหน้าแรงๆ
- รักษาความสะอาดบริเวณใบหน้าและเส้นผม เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้ตกค้างบนใบหน้า
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดสิวหรือมีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งจะมีระบุบนฉลากว่า “Non-comedogenic”
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ผิวแห้งกร้านและทำให้ผิวผลิตน้ำมันมาหล่อเลี้ยงผิวมากเกินไป
- ทำความสะอาดปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอนอยู่เสมอ