หน้าหลัก > ข่าวสารและความรู้ > 5 วิธีรักษาผดร้อนแบบธรรมชาติ
5 วิธีรักษาผดร้อนแบบธรรมชาติ
5 วิธีรักษาผดร้อนแบบธรรมชาติ
12 Mar, 2022 / By Ink
Images/Blog/XOnzDPwY-809E3FDA-FF35-4C7A-8DC5-5481637EAAC1.png

ผดร้อนมักมีสาเหตุมาจากอากาศร้อนและเหงื่อไคลสะสมจนทำให้รูขุมขนอุดตัน หากต้องเดินทางหรือต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางอากาศร้อนในประเทศไทย จึงเป็นปัญหาที่ต้องเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งอาจรบกวนการใช้ชีวิตและสร้างความรำคาญได้ไม่น้อย โดยในบทความนี้จะแนะนำวิธีบรรเทาอาการผดร้อนจากอากาศร้อนด้วยวิธีธรรมชาติกัน

ผดร้อนสามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย แต่จะพบมากที่คอ หน้าอก แผ่นหลัง ข้อพับ รักแร้ และขาหนีบ นอกเหนือจากผดผื่น ยังอาจมีอาการคัน เป็นผื่นนูนแดง ผิวระคายเคือง และแสบผิวร่วมด้วย แม้อาการส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่อาจทำให้ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง และติดเชื้อ 

 

วิธีรักษาผดร้อนแบบธรรมชาติ

สาเหตุหลักของผดมาจากเหงื่อไคลและความร้อน หากลดปัจจัยเหล่านี้ลงได้ก็อาจช่วยให้อาการทุเลาลงซึ่งวิธีธรรมชาติง่าย ๆ ที่อาจช่วยบรรเทาผดผื่นโดยไม่ใช้ยา เช่น 

 

1. อาบน้ำ

การอาบน้ำเป็นวิธีการลดอุณหภูมิของร่างกายที่ทำได้ง่าย โดยเฉพาะการอาบน้ำเย็น เพราะความเย็นจากน้ำอาจช่วยบรรเทาการอักเสบหรือระคายเคืองของผิวที่มีสาเหตุมาจากความร้อนหรือแสงแดดได้ ในขณะที่การฟอกสบู่อาจช่วยกำจัดเหงื่อไคลและคราบไขมันตามร่างกายที่อาจไปอุดตันของรูขุมขนจนเกิดผดร้อนขึ้นได้ นอกจากนี้ การอาบน้ำจะช่วยกำจัดเชื้อโรคบนผิวหนัง จึงอาจป้องกันผิวหนังระคายเคืองจากการติดเชื้อ แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหนังแรงจนเกินไปเพื่อป้องกันผิวหนังเกิดการบาดเจ็บ และเลือกใช้สบู่ที่ให้ความชุ่มชื้น ไม่มีสารก่อระคายเคือง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไปจนอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายขึ้น

 หรืออาจเลือกใช้สบู่ที่ทำมาจากสารสกัดธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการผดผื่น ระคายเคืองของผิวหนังได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วมากขึ้น หากแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสบู่ ควรเลือกอย่างระมัดระวัง เพราะในปัจจุบันมีการนำสารเคมีสังเคราะห์เข้ามาเป็นส่วนประกอบในสบู่ค่อนข้างมาก ควรเลือกจากผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ อย่าง Body Acne Soap เวชสำอางจาก Welpano ที่คิดสูตรโดยเภสัชกรมีสารสกัดหลักอย่างเปลือกมังคุด ตอบโจทย์แก้ปัญหาสิวที่ขึ้นตามตัว หรือที่อัพชื้น เช่น คอ หลังหู คางหน้าอก แผ่นหลัง โดยจะช่วยฆ่าเชื้อ และทำให้ปราศจากเชื้อ อีกทั้งยังทำให้ผิวหอมอย่างเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิวผด ผื่นแพ้ตามตัว ก็สามารถช่วยจัดการได้ ปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-free) พาราเบน (Paraben-free) แอลกอออล์ (Alcohol-free) ไม่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic) และ ไม่ใส่สารทำความสะอาดรุนแรงอย่าง SLS หรือ SLES

2. ใช้แป้งที่ไม่มีน้ำหอม

การทาแป้งภายหลังการอาบน้ำจะช่วยดูดซับความมันและเหงื่อ จึงอาจช่วยให้ผิวแห้งและลดการอุดตันแต่ไม่มีส่วนช่วยลดการระคายเคืองแต่อย่างใด อีกทั้งการใช้แป้งที่มีน้ำหอมอาจทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองมากขึ้นได้ ดังนั้น ควรทำความสะอาดผิวก่อนทาแป้งและเลือกทาแป้งที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมเท่านั้น 

 

3. สวมเสื้อผ้าขนาดเหมาะสม ระบายอากาศได้ดี

การสวมเสื้อผ้าที่คับหรือมีขนาดพอดีตัวจนเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดผดผื่นและการระคายเคืองเนื่องจากเหงื่อไคลอาจทำให้ผิวเหนอะหนะ เนื้อผ้าจึงอาจเสียดสีกับผิวจนเกิดการระคายเคือง ยิ่งถ้าเป็นเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหนาอาจทำให้ระบายอากาศได้ยาก ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น อีกทั้งยังดูดซับเหงื่อจนเสื้อเปียกชื้นกลายเป็นแหล่งของเชื้อโรคและมีกลิ่นอับ ทำให้เสียบุคลิกภาพอีกด้วย จึงควรเลือกสวมเสื้อผ้าที่ตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเล็กน้อยเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น เหงื่อแห้งเร็วและลดความชื้น รวมทั้งเลือกเนื้อผ้าที่เบาบาง แห้งง่าย ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าคอตตอน โพลีเอสเตอร์ หรือใยสังเคราะห์เป็นต้น

 

4. แช่น้ำผสมดีเกลือ

ดีเกลือ (Epsom Salt) หรือแมกนีเซียมซัลเฟตนิยมนำมาใช้ในจุดประสงค์ทางด้านความงาม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่อาจช่วยบรรเทาอาการคันและระคายเคืองจากผดร้อนได้ วิธีการคือนำดีเกลือผสมกับน้ำอุ่นจากนั้นแช่ส่วนที่เป็นผดลงในน้ำ หรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำผสมดีเหลือและนำมาประคบไว้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ดีเกลือนั้นใช้สำหรับภายนอกเท่านั้น หากใช้กับเด็กเล็กควรระวังอย่าให้รับประทาน เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้

 

5. ใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์ในครัวเรือน

วัตถุดิบและอุปกรณ์ในห้องครัวอาจนำมาปรับใช้เพื่อบรรเทาอาการผดผื่นคันได้ เช่น

  • ประคบเย็น
    การประคบเย็นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำได้ง่าย เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือใช้ผ้าห่อถุงน้ำแข็งนำมาประคบไว้บริเวณผิวหนังที่มีอาการอักเสบ เพื่อลดอาการปวด ระคายเคืองและอาการคัน โดยให้ประคบเย็นเป็นเวลาไม่เกิน 20 นาที และหลีกเลี่ยงการประคบน้ำแข็งลงบนผิวหนังโดยตรง เพราะอาจทำให้เซลล์ผิวเสียหายหรือเกิดการติดเชื้อได้หากน้ำแข็งนั้นไม่สะอาด
  • เบกกิ้งโซดา
    เบกกิ้งโซดาผสมน้ำอาจช่วยบรรเทาอาการคันได้ โดยนำนำเบกกิ้งโซดาประมาณ 3-5 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นแช่บริเวณที่เป็นผดผื่นไว้ราว 20 นาที

  • ว่านหางจระเข้
    ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบและต้านเชื้อโรค จึงอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ วิธีการคือนำว่านหางจระเข้สดมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกสีเขียวออกและขูดวุ้นที่อยู่ด้านในเพื่อนำมาพอกบริเวณเป็นผื่น หากไม่มีว่านหางจระเข้สดอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเจลว่านหางจระเข้ที่ใช้บรรเทาอาการผิวไหม้แดด ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยา แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ว่านหางจระเข้ที่มีความเข้มข้น ไม่มีสารก่อการระคายเคือง

  • ข้าวโอ๊ต
    ข้าวโอ๊ตมีสรรพคุณในการต้านการอักเสบของผิวหนังและช่วยลดอาการคัน ขั้นแรกให้นำข้าวโอ๊ต 1 ส่วนมาผสมกับน้ำ 1 ส่วน เพื่อช่วยให้ข้าวโอ๊ตจับตัวกัน จากนั้นก็นำมาพอกบริเวณที่ระคายเคือง หรืออาจใช้ข้าวโอ๊ต 1-2 ส่วนผสมกับน้ำอุ่นแล้วแช่ไว้นานประมาณ 20 นาที
  • ผงสะเดา
    สะเดาเป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่ง ในปัจจุบันมีการผลิตเป็นแบบผงสำเร็จรูป เพื่อให้สะดวกต่อการใช้มากขึ้น โดยนำผงสะเดาผสมกับน้ำเพื่อทำให้เหนียวแล้วนำมาพอกไว้ หรืออาจใช้ผงสะเดาผสมกับน้ำอุ่นแล้วแช่ก็ได้
  • ผงไม้จันทน์
    ไม้จันทน์มีสรรพคุณที่อาจช่วยบรรเทาอาการปวดบวมและรักษาผิวไหม้ได้ ซึ่งวิธีใช้จะคล้ายกับการใช้ผงสะเดา คือ นำมาผสมน้ำ 2 ส่วนแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นผื่น หรือนำไปผสมกับน้ำอุ่นแล้วแช่แทนก็ได้

 

อย่างไรก็ตาม การพอกสมุนไพรควรระมัดระวังเรื่องอาการแพ้ หากกังวลอาจลองทาบริเวณผิวปกติเพื่อตรวจสอบอาการแพ้ก่อนนำไปทาบริเวณที่เป็นผด

หากต้องการรักษาผดด้วยวิธีธรรมชาติจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพร่างกายในเบื้องต้นด้วย เช่น โรคผิวหนังโรคประจำตัว หรืออาการแพ้ โดยเฉพาะในเด็กและเด็กทารก เนื่องจากคนกลุ่มนี้เกิดผดร้อนได้ง่ายและมีผิวหนังที่บอบบาง หากพบสัญญาณของการติดเชื้อ อย่างจับไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว หรือมีของเหลวไหลออกจากผิวหนัง ควรไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนี้ วิธีป้องกันผดร้อนอาจทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดด อยู่ในห้องแอร์ งดออกกำลังกายกลางแจ้งหรือช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูง ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสมตลอดทั้งวันเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายและป้องกันการขาดน้ำ หากจำเป็นต้องทำงานกลางแจ้งหรือในที่ที่อุณหภูมิสูง ควรพักในร่มและเย็นอยู่เป็นระยะ เพื่อป้องกันการเกิดผดร้อนและอันตรายที่เกิดจากอุณหภูมิร่างกายที่สูงเกิน

Like