หน้าหลัก > ข่าวสารและความรู้ > แชร์ประสบการณ์ เปลี่ยนผิวติดสารให้กลับมาเป็นผิวใส กล้าโชว์หน้าสดแล้ว
แชร์ประสบการณ์ เปลี่ยนผิวติดสารให้กลับมาเป็นผิวใส กล้าโชว์หน้าสดแล้ว
แชร์ประสบการณ์ เปลี่ยนผิวติดสารให้กลับมาเป็นผิวใส กล้าโชว์หน้าสดแล้ว
13 Sep, 2018 / By thanyawarin38
Images/Blog/SsUQPvPR-ปก1.png

     สวัสดีค่าา ช่วงหลายเดือนมานี้....พี่วิวได้รับREVIEWจากลูกค้าผู้ใช้เวลพาโน่จำนวนมาก ทยอยส่งข้อความเข้ามาทางไลน์ และทางInbox เพราะแต่ละท่านใจดี ผิวตัวเองดีขึ้น ก็อยากแบ่งปันให้คนอื่นๆผิวดีแบบเค้าบ้าง ซึ่งแต่ละท่านเจอปัญหาผิวมาแตกต่างกัน แต่ปัญหาผิวที่มาเป็นอันดับ1 ก็คือ ผิวติดสารสเตียรอยด์ 

      และอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรีวิวจากผู้ใช้จริงที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์ดูแลผิว ไปฟังเรื่องราวของเค้าเลยค่ะ พี่วิวได้ขออนุญาตผู้ใช้เวลพาโน่ตัวจริงเสียงจริงเรียบร้อยแล้วค่ะ เค้าอนุญาตให้นำภาพรีวิวมาเผยแพร่ในกระทู้นี้ได้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านนะคะ 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------        

เริ่มต้นเลยค่ะ..... วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ฟื้นผิวเสียให้เป็นผิวใส ต้องบอกก่อนว่า เราเป็นสิวมาตั้งแต่วัยรุ่นสมัยเรียนมอปลาย จนตอนนี้ทำงานแล้ว อายุเข้าใกล้ 30 แต่เพิ่งจะมาหายจากสิว ผิวเริ่มๆจะเนียนแบบคนอื่นซะที ด้วยวิธีดูแลผิวตามนี้ค่ะ เราพร้อมเผยหมดเปลือกว่า ผิวเราเคยแพ้อะไรมา แล้วหน้าพังขนาดไหน รักษายังไงบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังเครียดเรื่องหน้าพังแบบที่เราเคยเป็น เราเข้าใจดีเลยว่า ตอนที่หน้าพังมันเครียดขนาดไหน เวลาไปทำงาน พบปะผู้คนก็ชอบทักว่าทำอะไรมา ทำไมไม่รักษาหน้า ทำไมปล่อยให้หน้าพัง สิวขึ้นเยอะขนาดนี้ เราก็แอบน้อยใจว่า ไม่ต้องทักได้มั้ย ตอนนี้ก็กำลังรักษาอยู่นะเนี่ย T---T

 

ตั้งแต่ที่เริ่มเป็นสิวสมัยวัยรุ่น ก็เครียดมาก เลยเข้ารักษาที่คลินิกผิวหนัง ตอนรักษาก็ดีขึ้นนะ เราก็ใช้ครีมกับยาที่คลินิคหมอมาเรื่อยๆ แล้ววันนึงก็รู้สึกว่า อยากหามาร์คหน้าดีๆสักอัน มามาร์คก่อนนอน น่าจะช่วยฟื้นผิวได้ดี เราก็ตัดสินใจลองใช้มาร์คแอปเปิ้ลยี่ห้อนึง ปรากฏว่าแพ้หนักมาก เลยตัดสินใจหยุดทุกอย่างอีกครั้ง แล้วกลับไปสู่จุดเดิมคือ หาหมอ กินยา ฉีดสิว กดสิว ทายาสเตียรอยด์ แต่ครั้งนี้รู้สึกว่า กินยาไปซักพักแล้วทำให้ปากแห้งมากกกก ก.ไก่ล้านตัว บางครั้งเลือดออกซิบๆที่ริมฝีปาก ตาแห้ง แสบตามาก และด้วยค่ารักษาที่แพงมาก ต้องไปพบหมอทุกๆสัปดาห์ ค่ารักษาสัปดาห์ละ 2-3พันบาท เราก็สู้ค่ารักษาไม่ไหว ก็เลยหยุดไปหาหมอที่คลินิก

เพื่อนๆเห็นรูปเราแล้วอย่าตกใจไปเลยนะ คือเราเป็นสิวหนักมากจริงๆ ขึ้นทุกรูขุมขน ถ้ามีที่ว่างตรงไหน สิวก็จะขึ้นตรงนั้นเลย เวลาล้างหน้า หรือเช็ดหน้าบางทีเผลอเช็ดแรง เจ็บจนน้ำตาไหลเลย

จากนั้นก็ตั้งใจกับตัวเองว่า จะหาทางดูแลผิวเอง โบกมือบ๊ายบายครีมสเตียรอยด์ทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ตั้งใจเลยว่า อยากให้ผิวดีแบบปลอดภัย ใช้เวลาในการรักษานานเท่าไร เราก็รอได้ ไม่รีบร้อนตามกระแสแล้วมาเครียดหน้าพังทีหลัง แบบนั้นเข็ดแล้วจริงๆ ขอเพียงแค่ให้เห็นผลดีตามลำดับ เท่านั้นเป็นพอใจ

เราเริ่มดูแลสิวปรึกษาการใช้ยารักษาสิวจากเภสัชกรที่ร้านยาบ้าง  อ่านตามกระทู้ที่เพื่อนๆแบ่งปัน และใช้ตามเพื่อนๆที่ทำงานที่เค้าเคยเป็นสิวหนักแบบเรา แล้วเค้าดีขึ้น เราจึงเริ่มดูแลผิวอย่างจริงจังมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มกราคม 2559 นี้ จนกระทั่งถึงวันนี้ เกือบ10 เดือนเต็มค่ะ สำหรับเรา....ระยะเวลาที่สิวเริ่มลดลงแบบเห็นได้ชัดก็ประมาณ 3เดือน  สิวเราน่าจะมาจากสิวฮอร์โมนด้วยส่วนนึง อีกส่วนนึงที่ผิวดูโทรม แห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ เพราะเมื่อก่อน เราไม่เปิดใจใช้ครีมบำรุงอะไรเลย เพราะกลัวแพ้อีก เน้นแต่ใช้ยาสิว

หน้าเลยเป็นอย่างที่เห็นในรูปค่ะ ตอนนี้สิวที่เคยยกขบวนกันมาขึ้นบนหน้าเรา ก็ยุบหมดแล้ว รอยก็จางอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ก็มีสิวขึ้นบ้าง ประปรายในช่วงที่มีประจำเดือน แต่ก็ไม่เยอะแบบเมื่อก่อนละ กว่าจะมีผิวดีขึ้นในวันนี้ ทำเอาซะจิตตก เมื่อก่อนไม่อยากออกจากบ้านไปทำงานเลย ไม่อยากหยิบกระจกมาส่องหน้าเลย โอ๊ยย..นึกแล้วเครียด เราเป็นหนักมาก วันนี้หายแล้ว ยิ้มได้แล้ว ถ่ายเซลล์ฟี่เป็นว่าเล่นเลย

เราตั้งใจเขียนรีวิวนี้ เพื่อแบ่งปันแบบหมดเปลือก ปกติเราไม่ชอบเขียนกระทู้ อันนี้เป็นครั้งแรกของเราเลย เพราะเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆที่เค้าเครียดเรื่องผิว

 

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ดูแลผิว “เปลี่ยนผิวเสีย เป็นผิวใส” ในรอบนี้ ที่เริ่มดูแลผิวอย่างจริงจังมาตั้งแต่เดือนมกรา 59 มีทั้งหมด 9 อย่าง โดยที่ 4อย่างเป็นไอเทมที่เราซื้อจากร้านยา และ อีก 5 อย่างเป็นสกินแคร์ดูแลผิว เราเลือกโดยเน้นความอ่อนโยน เป็นเวชสำอางที่ไม่เหมือนเครื่องสำอางงทั่วไป ไม่ผสมน้ำหอม แอลกอฮอล์ และไม่มีสารกันเสียชนิดพาราเบน ก่อนหน้านี้ก็ใช้หลายแบรนด์ปนๆกันไป แต่รู้สึกว่าไม่เวิค เลยลองมาศึกษาของแบรนด์welpano เจ้าของแบรนด์เป็นเภสัชกรคิดสูตร ลองอ่านสตอรี่ของแบรนด์แล้วดูน่าเชื่อถือ ไม่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง เห็นเจ้าของแบรนด์เค้าผิวแพ้ง่ายแบบเรา เค้าเข้าใจหัวอกคนผิวแพ้ง่ายได้ดีอ่ะค่ะ ตอนแรกก็ซื้อครีมเจลบำรุง ครีมกันแดด แล้วก็โลชั่นเช็ดก่อนล้างหน้าของแบรนด์welpano มาใช้ก่อน แล้วแบบติดใจอ่ะ คือดีงาม โดยเฉพาะครีมเจลทาปุ๊บ ซึมสู่ผิวปั๊บ เรารู้สึกสบายหน้า ไม่เหนอะเลย จากนั้นก็เลยจัดอีก 2 อัน(ล้างหน้า กับ เจลแต้มสิว)ให้ครบเซตเลย มาดูกันเลยค่ะ ว่าเราฟื้นผิว สู้รบกับเจ้าสิวยังไงบ้าง

อ้อ...ลืมบอกอีกอย่างว่า ช่วงที่สิวเห่อ เรางดรองพื้น งดบีบีทุกชนิดค่ะ ทากันแดดแล้วลงแป้งฝุ่นอย่างเดียว งดปัดแก้มด้วย ช่วงนั้นต้องตัดใจจริงๆ ใครจะทักจะว่าอะไรก็ช่างเค้า ชั้นยอมหน้าสดไปทำงาน^---^ แต่มีช่วงก่อนที่สิวหนักจริงๆ เราก็ใส่แมส แบบชนิดผ้าสีขาว ซักด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรน้ำของเด็ก เพราะเราแพ้แมสกระดาษ พอเปลี่ยนมาใส่แมสผ้าแล้วโอเคขึ้นแฮะ แต่ก็ไม่ได้ใส่ทั้งวันนะ เพราะกังวลว่าจะอบสิว แล้วหายช้า  ส่วนเรื่องแป้งฝุ่น เรายังค่อนข้างซีเรียสเลยค่ะ เพราะเราแพ้แป้งที่ผสมน้ำหอม เพราะเคยลองเอามาทาแล้ว ผื่นคันมาตรึมเลย สุดท้ายมาเจอที่ใช่ซะที เราใช้แป้งฝุ่น Reis Care (ไร้ซแคร์) กระป๋องสีฟ้า ๆ สูตร Hypoallergenic 1oo% Talc free

มาดูเจ้าไอเทมแรกกันเลย.........เมื่อกลับถึงบ้าน ก่อนล้างหน้าตอนเย็น เราจะใช้ Welpano Extra Sensitive Lotion Cleanser ปั๊มลงสำลีแผ่น แล้วเช็ดหน้าเพื่อคลีนครีมกันแดด และฝุ่นออกจากผิวก่อน นี่ขนาดไม่แต่งหน้านะ แต่สำลียังดำปรี๊เลย T—T เราเลือกใช้อันนี้เพราะเท่าที่เราสังเกตหลังใช้ นอกจากจะช่วยคลีนหน้าก่อนล้างหน้าแล้ว ยังช่วยให้สิวอุดตันหลุดได้ดีขึ้น โดยไม่ระคายเคืองผิว และไม่มีน้ำหอมด้วย เวลาเช็ดหน้าเสร็จ เราชอบมาก เพราะหน้าจะนุ่มๆเด้งๆ แล้วรู้สึกว่าไม่แสบผิว ไม่อุดตันด้วย เพราะก่อนนี้เราเคยใช้แบบสูตรน้ำ เวลาเช็ดจะฝืดผิวมาก เลยเจ็บสิว น้ำตาจะไหล พอมาเจอแบบโลชั่นของเวลพาโน่ เลยติดใจเลย ใช้หมดไปเกือบ 20 ขวดได้แล้วอ่า แต่มีวันนึงที่เราจำเป็นต้องแต่งหน้าแน่นไปงานเลี้ยงที่ทำงาน ตกดึกพอกลับมาถึงบ้าน ก็รีบใช้โลชั่นนี้เช็ดเครื่องสำอางออก ปรากฏว่าก็สามารถรีมูฟเครื่องสำอางออกหมดแฮะ

เมื่อเช็ดหน้าด้วยโลชั่นตามขั้นตอนที่ 1 เสร็จแล้ว ก็ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า 1 รอบ(ไม่ต้องใช้โฟม) และใช้สำลีแผ่น เช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นจะทา Benzac 5% ตรงบริเวณที่มีสิวอุดตัน จะช่วยละลายหัวสิวอุดตัน ทาทิ้งไว้แค่ 15 นาที แล้วเราก็ล้างออกด้วยโฟมล้างหน้า จริงๆครีมที่ทาก่อนล้างหน้าที่ร้านยามีหลายยี่ห้อค่ะ แต่อันอื่นๆเราลองใช้แล้วแสบหน้า อาจจะด้วยว่าอันอื่นมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่ะ แต่Benzacเราอ่านฉลากข้างหลอด เค้าเขียนว่าWater base gel เภสัชที่ร้านยาบอกว่า ไม่มีแอกอฮอล์ผสม เราใช้ Benzac แต่ก่อนล้างหน้าตอนเย็นเวลาเดียวค่ะ

หลังจากทาBenzac 5% ครบ 15 นาทีแล้ว ก็จะล้างหน้าให้สะอาดด้วย Welpano Facial Liquid Cleanser บอกเลยว่า กว่าจะหาโฟมล้างหน้าที่ถูกใจเนี่ย ยากจริงๆนะ เราเลือกอันนี้เพราะไม่ผสมน้ำหอม แต่กลิ่นไม่ฉุน ละมุนอ่อนๆแบบสารสกัดจากธรรมชาติอ่ะค่ะ เพราะเคยเจออันอื่นๆเขียนว่า ไม่ผสมน้ำหอม แต่กลิ่นก็ฉุน คือเวลาล้างหน้าแล้วจะเป็นลมอ่า  เราเป็นคนผิวผสม มันตรงทีโซน ส่วนที่แก้มก็ผิวปกตินะ ไม่แห้ง ไม่มันจนเกินไป พอใช้อันนี้ล้างหน้าแล้วรู้สึกว่าลงตัวเลย ไม่ทำให้ผิวมัน และไม่แห้งตึงจนเกินไป เข้าตาก็ไม่แสบ โดยรวมคือ ชอบๆ อ่านข้างขวดเขียนว่า pH5.5 สมดุลผิว สูตรSLS-free

หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว เราจะใช้น้ำเกลือเช็ดหน้า อีก1 รอบใช้เฉพาะตอนเย็น ตอนเช้าไม่ได้ใช้ เพราะตื่นนอนมา หน้าไม่ได้สกปรกอะไร เราเคยลองใช้ 2 เวลา รู้สึกว่าหน้าแห้งไป ใช้น้ำเกลือแทนโทนเนอร์ เพราะน้ำเกลือมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อน เราซื้อแบบขวดเล็กสุด เปิดแล้วอยากใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน

วิธีใช้: เทน้ำเกลือลงบนสำลีแผ่น แล้วเช็ดทั่วหน้า 1 รอบ หลังล้างหน้าตอนเย็น

หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว จะใช้สำลีแผ่นซับน้ำที่อยู่บนหน้าให้แห้ง ทริค...สำหรับคนเป็นสิว ไม่ควรใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้านะ เพราะว่าบางทีฝุ่นติดมากับผ้า พอมาเช็ดหน้าก็คันยิบๆ ตั้งแต่ที่เรามีสิวมารุมเนี่ย ก็จะระวังมากซะทุกอย่าง เพราะกลัวจริงๆใครไม่เป็น ไม่รู้หรอก +---+ พอเช็ดหน้าเสร็จ ก็จะทาWelpano Cream-gel ทั่วทา ทั้งเช้าและก่อนนอน อันนี้เป็นไอเทมที่เราชอบมาก แล้วเราคิดว่าเพื่อนๆที่กำลังใช้อันนี้อยู่ น่าจะชอบแบบเรา เพราะเวลาทาแล้วรู้สึกสบายผิว ยิ่งบางครั้งเราชอบเอาครีมเจลนี้ไปแช่ตู้เย็น แล้วมาโปะหน้าตอนช่วงที่หน้ากำลังถูกระคายเคืองหรือผิวแดงๆอยู่  ครีมเจลนี้จะช่วยลดรอยแดง ลดรอยสิว ลดการระคายเคืองผิวลดอุดตัน เราใช้อันนี้แทนครีมบำรุงเลย เพราะสรรพคุณของเค้าที่เราลองอ่านดู คือ ช่วยบำรุงผิว ในคนที่มีสิว หรือ ผิวแพ้ง่าย เป็นครีมบำรุงนวัตกรรมใหม่ ที่อยู่ในรูปครีมกึ่งเจลใสๆ ไม่ผสมน้ำหอม อันนี้ใช้มาเกือบ20หลอดเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าหน้ากระจ่างใสขึ้นด้วย และรูขุมขนดูกระชับ เวลาทาแป้งก็ไม่เป็นคราบ ชอบตรงนี้แหละ

หลังจากนั้น จะทา Clindalin gel ทาในบริเวณที่เป็นสิว เช้า-ก่อนนอน เพื่อฆ่าเชื้อสิว เลือกใช้ยี่ห้อนี้เพราะไม่มีแอลกอฮอล์ เราใช้แค่ช่วงที่สิวหนองเยอะๆ เท่านั้น ตอนที่สิวเริ่มลดลงแล้ว ก็หยุดทา เพราะว่าถ้าทาตลอด ติดต่อกันนานๆ จะทำให้ดื้อยา เพราะเภสัชที่ร้านบอกว่าอันนี้เป็นยาฆ่าเชื้อ ถ้าใช้พร่ำเพื่อ จะเกิดเชื้อดื้อยา บางคนไม่เข้าใจคิดว่าทาเพื่อป้องกันสิว

แล้วก็ช่วงที่หน้าแพ้มาร์คแอปเปิ้ล และหยุดยาหมอแบบหักดิบ มักจะมีผดขึ้น และมีอาการคันยิบๆ บางทีก็เป็นปื้นๆแดงๆที่แก้ม และกรอบหน้า เราก็จะใช้ Fenistil gel ซื้อมาจากร้านยา ทาตรงบริเวณที่มีผื่นคัน เพราะอันนี้เป็นเจลทาแก้แพ้ ไม่มีสารสเตียรอยด์ผสม เราทาสัก7-8 วัน พอผื่นลดลงเราก็หยุดทาได้ ช่วงแรกๆที่ผิวยังไม่แข็งแรง ที่รอwelpanoฟื้นผิวอยู่ ก็มักจะมีผดๆขึ้นบ้างก็จะอาศัยเจ้านี่ Fenistil gel ทาช่วย ทาเช้า-ก่อนนอน

จากนั้นก็ทาครีมกันแดด สำหรับเราที่กำลังเป็นสิวบุกอยู่จะค่อนข้างหาครีมกันแดดใช้ลำบากเพราะว่า หลายๆยี่ห้อเคยลองใช้แล้ว คันยุบยิบ หรือเวลาเหงื่อออกจะเยิ้มมาก เหนอะมาก ทนไม่ไหวเลยต้องรีบล้างหน้าเลย เลยมีอยู่ช่วงนึงเลิกทาครีมกันแดดไปเลย ทีนี้เราทำงานในออฟฟิต เจอแสงหน้าจอคอม ไฟนีออน เลยทำให้เรามีฝ้าจางๆที่หน้าด้วย ตอนนี้ก็กำลังรักษาไปพร้อมกับสิวด้วย พอมาเจอ Welpano Facial Sunscreen ครีมกันแดดของเวลพาโน่นี้ เลยทำให้เราสามารถกลับมาทาครีมกันแดดได้อีกครั้ง เพราะไม่เหนอะเลย SPF50 PA+++ แต่ทาแล้วซึมสู่ผิวทันที ไม่ผสมน้ำหอม ระหว่างมันหน้าไม่เยิ้ม ไม่คัน เราก็เลยชอบ ที่สำคัญสิวไม่ขึ้นเพิ่มด้วยนะ เพราะหลายคนชอบบอกว่า เป็นสิวอยู่ห้ามใช้ครีมกันแดด เพราะจะแพ้ จะอุดตัน แต่สำหรับเรา เราว่าไม่เกี่ยวนะ เพียงแต่ต้องเลือกนิดนึง เพราะคนเป็นสิว ผิวมักจะบอบบาง

มาถึงไอเทมสุดท้าย ที่เราใช้ปราบสิวในครั้งนี้ คือ Acne Gel เจลแต้มสิวเวลพาโน่ เราแต้มตรงหัวสิวที่อักเสบจากบวมๆแดงๆอยู่ แต้มกลางคืน ตื่นเช้ามาก็รู้สึกได้ว่าสิวยุบ แต่ถ้าเม็ดไหนเป็นสิวหัวช้างที่ค่อนข้างใหญ่ ก็ใช้เวลาหน่อยอ่ะ ถ้าอันไหนเม็ดใหญ่มาก เราจะใช้นิ้วถูวนๆเบาๆตรงหัวสิว อันนี้ไม่ได้ผสมตัวยาฆ่าเชื้อ แต่ใช้สารสกัดจากเปลือกมังคุดช่วยลดการอักเสบของสิว เลยไม่ทำให้เชื้อสิวดื้อยา แต่ใช้ไปสักพัก สิวยุบหมด ก็เก็บเจลแต้มสิวเข้ากระเป๋าได้เลย เพราะไม่มีสิวให้แต้มแล้ว  สบายใจเฉิบ

 

แล้วนี่ก็เป็นภาพผลลัพธ์ที่เราพลีชีพหน้าสดให้เพื่อนๆดู จากหน้าพังหนักมาก กู้คืนมาได้ขนาดนี้ ก็พอใจแล้วนะ แล้วก็จะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ ตอนนี้เราก็แฮปปี้นะ อยากให้กำลังใจเพื่อนๆว่า ช่วงที่เราปล่อยให้หน้าตัวเองติดสเตียรอยด์ หน้าพัง หรือหอบหน้าไปแพ้อะไรมา เรายังไม่เห็นนับวันรอเลยว่าเราแพ้มานานเท่าไร ทีนี้พอรอเวลาที่หน้าจะหายดีแบบเดิมนั้น อาจใช้เวลา เมื่อก่อนเราก็คิดว่าทำไมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยถึงเห็นผลช้าจัง แต่พอผ่านไปสักพัก ผลลัพธ์ก็ดีชัดเจนแบบในรูป ใจก็ชื้นขึ้น อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านจุดหน้าพังไปให้ได้ อดทนเท่านั้น ห้ามแกะสิว ห้ามบีบ แล้ววันที่สดใสมีจริงเสมอ สู้ๆคร่า เราเป็นกำลังใจ^^

Like